3. ท่านเขลาถึงเพียงนั้นทีเดียวหรือ เมื่อท่านเริ่มต้นมาด้วยพระวิญญาณแล้ว บัดนี้ท่านจะจบลงด้วยเนื้อหนังหรือ
4. ท่านได้รับประสบการณ์มากมายโดยไร้ประโยชน์หรือ ถ้าเป็นการไร้ประโยชน์จริงๆแล้ว
5. พระองค์ผู้ทรงประทานพระวิญญาณแก่ท่าน และทรงสำแดงอิทธิฤทธิ์ท่ามกลางพวกท่าน ทรงกระทำการเช่นนั้นโดยการประพฤติตามธรรมบัญญัติหรือ หรือโดยการฟังด้วยความเชื่อ
6. ดังที่อับราฮัม ได้เชื่อพระเจ้า และ การที่เชื่อนั้น พระองค์ทรงนับว่าเป็นความชอบธรรมแก่ท่าน
7. ฉะนั้นคนที่เชื่อนั่นแหละเป็นบุตรของอับราฮัม
8. และพระคัมภีร์นั้นรู้ล่วงหน้าว่า พระเจ้าจะทรงให้คนต่างชาติเป็นคนชอบธรรมโดยความเชื่อ จึงได้ประกาศข่าวประเสริฐแก่อับราฮัมล่วงหน้าว่า ชนชาติทั้งหลายจะได้รับพระพรเพราะเจ้า
9. เหตุฉะนั้นคนที่เชื่อจึงได้รับพระพรร่วมกับอับราฮัมผู้ซึ่งเชื่อ
10. เพราะว่าคนทั้งหลายซึ่งพึ่งการประพฤติตามธรรมบัญญัติ ก็ถูกแช่งสาป เพราะพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า ทุกคนที่มิได้ประพฤติตามข้อความทุกข้อ ที่เขียนไว้ในหนังสือธรรมบัญญัติก็ถูกแช่งสาป
11. เป็นที่ประจักษ์ชัดอยู่แล้วว่า ไม่มีผู้ใดเป็นคนชอบธรรมในสายพระเนตรของพระเจ้า ด้วยธรรมบัญญัติได้เลย เพราะว่า “คนชอบธรรมจะมีชีวิตดำรงอยู่โดยความเชื่อ”
12. แต่ธรรมบัญญัติไม่ได้อาศัยความเชื่อ เพราะ ผู้ที่ประพฤติตามธรรมบัญญัติ ก็จะได้ชีวิตดำรงอยู่โดยธรรมบัญญัตินั้น
13. พระคริสต์ทรงไถ่เราให้พ้นความแช่งสาปแห่งธรรมบัญญัติ โดยการที่พระองค์ทรงยอมถูกแช่งสาปเพื่อเรา (เพราะพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า ทุกคนที่ต้องถูกแขวนไว้บนต้นไม้ต้องถูกสาปแช่ง)
14. เพื่อพระพรทางอับราฮัมจะได้มาถึงคนต่างชาติทั้งหลาย เพราะพระเยซูคริสต์ เพื่อเราจะได้รับพระวิญญาณตามพระสัญญาโดยความเชื่อ