8. และโมเสสบอกเขาว่า “จงคอยอยู่ก่อนเพื่อเราจะฟังดูว่า พระเจ้าจะตรัสสั่งอย่างไรเรื่องท่าน”
9. พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า
10. “จงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า ถ้าผู้ใดในพวกเจ้าหรือในพงศ์พันธุ์ของเจ้ามีมลทิน เพราะถูกต้องศพหรือไปทางไกล ก็ให้ผู้นั้นถือปัสกาแด่พระเจ้า
11. ให้ถือปัสกาในเดือนที่สองวันขึ้นสิบสี่ค่ำเวลาเย็น ให้เขากินขนมไร้เชื้อและผักรสขม
12. เขาทั้งหลายต้องไม่ให้อะไรเหลือจนวันรุ่งขึ้น และไม่หักกระดูกแกะปัสกา ให้กระทำตามกฎเกณฑ์ ในเรื่องถือเทศกาลปัสกาทุกประการ
13. แต่คนที่สะอาดและมิได้เดินทางไป แต่งดไม่ถือเทศกาลปัสกา ให้อเปหิผู้นั้นจากท่ามกลางชนชาติของเขา เพราะเขามิได้นำเครื่องบูชาของพระเจ้ามาถวายตามกำหนด ผู้นั้นต้องถูกทำโทษ
14. ถ้าคนต่างด้าวมาอาศัยอยู่ท่ามกลางเจ้าทั้งหลาย จะใคร่ถือเทศกาลปัสกาแด่พระเจ้าตามกฎเกณฑ์ของ เทศกาลปัสกาและตามกฎหมาย ก็ให้เขาถือได้ เจ้าจงมีกฎเกณฑ์อย่างเดียวสำหรับทั้งคนต่างด้าว และชาวเมือง”
15. ในวันที่จัดตั้งพลับพลานั้น มีเมฆมาปกคลุมพลับพลาไว้ คือเต็นท์พระโอวาท เวลาเย็นเมฆนั้นก็อยู่เหนือพลับพลา ปรากฏเหมือนเพลิงจนรุ่งเช้า
16. เป็นอย่างนั้นเสมอมา มีเมฆคลุม กลางคืนปรากฏเหมือนเพลิง
17. เมื่อไรเมฆลอยขึ้นจากเต็นท์ ภายหลังนั้นพวกอิสราเอลก็ยกเดินไป ครั้นเมฆนั้นลอยหยุดอยู่ที่ใด คนอิสราเอลก็ตั้งค่ายอยู่ที่นั่น
18. คนอิสราเอลออกเดินตามพระดำรัสของพระเจ้า และเขาตั้งค่ายตามพระดำรัสของพระเจ้า ตราบใดที่เมฆพักอยู่เหนือพลับพลาเขาก็ยังตั้งค่ายอยู่
19. แม้เมื่อเมฆอยู่เหนือพลับพลานานหลายวัน คนอิสราเอลก็ปฏิบัติตามพระบัญชาของพระเจ้าไม่ยกเดินไป