38. และบุคคลที่จะตั้งค่ายอยู่หน้าพลับพลาด้าน ตะวันออกหน้าเต็นท์นัดพบ ด้านที่ดวงอาทิตย์ขึ้น มีโมเสสและอาโรนกับบุตรหลานของท่าน มีหน้าที่ดูแลพิธีการภายในสถานนมัสการ และบรรดากิจการที่พึงกระทำเพื่อคนอิสราเอล และผู้ใดอื่นที่เข้ามาใกล้จะต้องถูกลงโทษถึงตาย
39. บรรดาคนที่นับเข้าในคนเลวี ซึ่งโมเสสและอาโรนได้นับตามพระดำรัสของพระเจ้า เป็นบรรดาผู้ชายทั้งหมดตามครอบครัวที่มีอายุตั้งแต่ หนึ่งเดือนขึ้นไปเป็นสองหมื่นสองพันคน
40. และพระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “จงนับบุตรชายหัวปีทั้งหลายของคนอิสราเอล ที่มีอายุตั้งแต่หนึ่งเดือนขึ้นไป จงจดจำนวนรายชื่อไว้
41. เจ้าจงกันพวกเลวีไว้ให้เรา เราคือพระเจ้า ทั้งนี้เพื่อแทนบุตรหัวปีท่ามกลางคนอิสราเอล และให้สัตว์ทั้งปวงของคนเลวีแทนสัตว์หัวปีทั้งหลายของคน อิสราเอล”
42. ดังนั้นโมเสสจึงได้นับบุตรหัวปีท่ามกลางคนอิสราเอล ตามที่พระเจ้าตรัสสั่งท่าน
43. บุตรชายหัวปีทั้งหลายตามจำนวนชื่อที่นับได้ ซึ่งมีอายุตั้งแต่หนึ่งเดือนขึ้นไปมีสองหมื่นสองพัน สองร้อยเจ็ดสิบสามคน
44. และพระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า
45. “จงเอาคนเลวีแทนบุตรหัวปีทั้งหมดของคนอิสราเอล และเอาสัตว์ทั้งหลายของคนเลวีแทนสัตว์ของคนอิสราเอล คนเลวีจะเป็นของเรา เราคือพระเจ้า
46. สำหรับเป็นค่าไถ่บุตรหัวปีของ คนอิสราเอลจำนวนสองร้อยเจ็ดสิบสามคน ที่เกินจำนวนผู้ชายคนเลวีนั้น
47. เจ้าจงเก็บคนละห้า เชเขลตามเชเขลของสถานนมัสการ เชเขลหนึ่งมียี่สิบเก-ราห์ เจ้าจงเก็บเงินนั้นไว้
48. และมอบเงินซึ่งต้องเสียเป็นค่าไถ่ของคนที่เกิน เหล่านั้นให้ไว้แก่อาโรนและบุตรหลานของท่าน”
49. โมเสสจึงเก็บเงินค่าไถ่จากคนเหล่านั้นที่เกินกว่า จำนวนคนที่คนเลวีไถ่ไว้
50. คือท่านเก็บเงินจากบุตรหัวปีของคนอิสราเอล เป็นเงินจำนวนหนึ่งพันสามร้อยหกสิบห้าเชเขล นับตามเชเขลของสถานนมัสการ
51. และโมเสสได้นำเอาเงินค่าไถ่ให้แก่อาโรน และบุตรหลานของอาโรนตามพระดำรัสของพระเจ้า ดังที่พระเจ้าทรงบัญชาโมเสสไว้