20. พระเจ้าตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า
21. “จงแยกตัวออกเสียจากชุมนุมชนนี้ เพื่อเราจะผลาญเขาเสียในพริบตาเดียว”
22. เขาทั้งสองซบหน้าลงถึงดินกราบทูลว่า “ข้าแต่พระเจ้าผู้ทรงเป็นพระเจ้าแห่งจิต วิญญาณของมนุษย์ทั้งสิ้น เมื่อคนเดียวกระทำผิด พระองค์จะพิโรธแก่ชุมนุมชนทั้งหมดหรือ”
23. พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า
24. “จงกล่าวแก่ชุมนุมชนว่า จงออกไปให้ห่างที่อยู่ของโคราห์ ดาธาน และอาบีรัม”
25. แล้วโมเสสลุกขึ้นไปหาดาธานและอาบีรัม และพวกผู้ใหญ่แห่งอิสราเอลก็ตามท่านไป
26. โมเสสจึงกล่าวแก่ชุมนุมชนนั้นว่า “ท่านทั้งหลายออกไปเสีย ให้ห่างจากเต็นท์ของคนชั่วเหล่านี้ อย่าแตะต้องอะไรของเขาเลย เกลือกว่าท่านทั้งหลายจะต้อง ถูกกวาดไปกับบรรดาการบาปของเขาด้วย”
27. ดังนั้นเขาทั้งหลายก็ออกไปให้ห่างจากที่อยู่ของโคราห์ ดาธาน และอาบีรัม และดาธานกับอาบีรัมออกมายืนอยู่ที่ประตูเต็นท์ของตน พร้อมกับภรรยา บุตรชายและลูกเล็กๆของเขา
28. และโมเสสพูดว่า “ดังนี้แหละท่านทั้งหลายจะได้ทราบว่า พระเจ้าใช้ให้ข้ามากระทำการทั้งสิ้นนี้ ข้ามิได้กระทำตามอำเภอใจข้าเอง
29. ถ้าคนเหล่านี้ตายอย่างคนธรรมดาทั้งปวง หรือเคราะห์ร้ายอย่างคนธรรมดามาเยี่ยมเยียนเขา ก็หมายว่าพระเจ้ามิได้ทรงใช้ข้ามา
30. แต่ถ้าพระเจ้าบันดาลอะไรใหม่เกิดขึ้น และแผ่นธรณีอ้าปากกลืนคนเหล่านี้เข้าไป พร้อมกับข้าวของทั้งหมดของเขา และเขาทั้งหลายลงไปสู่แดนคนตายทั้งเป็น ท่านทั้งหลายจงทราบเถิดว่า คนเหล่านี้ได้สบประมาทพระเจ้า”
31. เมื่อท่านกล่าวคำเหล่านี้จบแผ่นดินใต้ที่เขาเหล่านั้นยืนอยู่ ก็แยกออก
32. และแผ่นธรณีก็อ้าปากออกกลืนเขาทั้งหลายกับครอบครัว และบรรดาคนของโคราห์และข้าวของทั้งหมดของเขา
33. ดังนั้นเขาทั้งหลายพร้อม กับข้าวของทั้งหมดของเขาลงไปสู่แดนคนตายทั้งเป็น และแผ่นดินก็งับเขาไว้ และเขาทั้งหลายก็พินาศเสียจากท่ามกลางที่ประชุม
34. อิสราเอลทั้งหมดที่อยู่รอบเขาได้ยินเสียงร้อง ของเขาก็หนีไป เพราะเขากล่าวว่า “เกลือกว่าธรณีจะกลืนเราเสีย”
35. และไฟออกมาจากพระเจ้า เผาผลาญคนทั้งสองร้อยห้าสิบที่ได้ถวายเครื่องหอมนั้นเสีย