10. ความจริงของพระคริสต์มีอยู่ในข้าพเจ้าแน่ฉันใด จึงไม่มีผู้ใดในเขตแคว้นอาคายาสามารถที่จะห้ามข้าพเจ้า ไม่ให้อวดเรื่องนี้ได้ฉันนั้น
11. เพราะเหตุใด เพราะข้าพเจ้าไม่รักพวกท่านหรือ พระเจ้าทรงทราบดีว่าข้าพเจ้ารักพวกท่าน
12. สิ่งใดที่ข้าพเจ้าทำ ข้าพเจ้าก็จะทำต่อไป เพื่อไม่ให้คนเหล่านั้นมีโอกาสที่จะพูดอวดได้ว่า งานที่เขาทำนั้นเป็นงานแบบเดียวกับของเรา
13. เพราะคนอย่างนั้นเป็นอัครทูตเทียม เป็นคนงานที่หลอกลวงปลอมตัวเป็นอัครทูตของพระคริสต์
14. การกระทำเช่นนั้นไม่แปลกประหลาดเลย ถึงซาตานเองก็ยังปลอมตัวเป็นทูตแห่งความสว่างได้
15. เหตุฉะนั้นจึงไม่เป็นการแปลกอะไรที่คนรับใช้ของซาตาน จะปลอมตัวเป็นคนรับใช้ของความชอบธรรม ท้ายที่สุดของเขาจะเป็นไปตามการกระทำของเขา
16. ข้าพเจ้าขอกล่าวซ้ำอีกว่า อย่าให้ใครเห็นไปว่าข้าพเจ้าเป็นคนเขลา แต่ถ้าใครต้องนับว่าข้าพเจ้าเป็นคนเขลา ก็ให้ข้าพเจ้าได้ประโยชน์อย่างคนเขลาเถิด เพื่อข้าพเจ้าจะได้อวดตัวเองได้บ้าง
17. (การที่ข้าพเจ้าพูดอย่างนั้น ข้าพเจ้ามิได้พูดตามหลักขององค์พระผู้เป็นเจ้า แต่พูดอย่างคนเขลาด้วยไว้ใจตัวในการอวดนั้น
18. เพราะเมื่อหลายคนเคยอวดตามโลกียวิสัย ข้าพเจ้าก็จะอวดบ้าง)
19. เพราะว่าการที่ท่านทนฟังคนเขลาพูดด้วยความยินดีนั้น น่าจะเป็นเพราะท่านช่างฉลาดเสียนี่กระไร
20. เพราะท่านทนเอา ถ้ามีผู้ทำให้ท่านไปเป็นทาส ถ้ามีผู้เอาท่านเป็นเหยื่อ ถ้ามีผู้เอาเปรียบท่าน ถ้ามีผู้ยกตัวเองเป็นใหญ่ ถ้ามีผู้ตบหน้าท่าน
21. ข้าพเจ้าต้องพูดด้วยความละอายว่า เราอ่อนแอเกินไปในเรื่องนี้ไม่ว่าใครกล้าอวดในเรื่องใด (ข้าพเจ้าพูดอย่างคนเขลา) ข้าพเจ้าก็กล้าอวดเรื่องนั้นเหมือนกัน
22. เขาเป็นชาติฮีบรูหรือ ข้าพเจ้าก็เป็นเหมือนกัน เขาเป็นชนชาติอิสราเอลหรือ ข้าพเจ้าก็เป็นเหมือนกัน เขาเป็นเผ่าพันธุ์ของอับราฮัมหรือ ข้าพเจ้าก็เป็นเหมือนกัน