3. และซาโลมอนกับชุมนุมชนทั้งปวงที่อยู่ กับพระองค์ได้ขึ้นไปที่ปูชนียสถานสูง ซึ่งอยู่ที่กิเบโอนเพราะเต็นท์นัดพบของพระเจ้า ซึ่งโมเสสผู้รับใช้ของพระเจ้าได้สร้างขึ้นใน ถิ่นทุรกันดารอยู่ที่นั่น
4. (แต่ดาวิดได้ทรงนำหีบของพระเจ้ามาจาก คีริยาทเยอาริมถึงสถานที่ซึ่งดาวิดทรงเตรียมไว้ให้ เพราะพระองค์ได้ทรงตั้งเต็นท์ไว้ให้ในกรุงเยรูซาเล็ม)
5. ยิ่งกว่านั้น แท่นบูชาทองสัมฤทธิ์ ซึ่งเบซาเลลบุตรอุรีผู้เป็นบุตรเฮอร์ได้สร้าง ไว้นั้นก็อยู่ที่หน้าพลับพลาของพระเจ้า และซาโลมอนกับชุมนุมชนก็ได้แสวงหาพระเจ้า
6. และซาโลมอนเสด็จไปที่นั่นยังแท่นบูชาทอง สัมฤทธิ์ต่อพระพักตร์พระเจ้า ซึ่งอยู่ที่เต็นท์นัดพบ และทรงถวายเครื่องเผาบูชาหนึ่งพันตัวบนแท่นนั้น
7. ในคืนนั้น พระเจ้าทรงปรากฏแก่ซาโลมอน และตรัสกับพระองค์ว่า “เจ้าอยากให้เราให้อะไรเจ้า ก็จงขอเถิด”
8. และซาโลมอนทูลพระเจ้าว่า “พระองค์ได้ทรงสำแดงความรักมั่นคง และยิ่งใหญ่แก่ดาวิดเสด็จพ่อของข้าพระองค์ และทรงกระทำให้ข้าพระองค์เป็นกษัตริย์แทน
9. ข้าแต่พระเจ้า ขอให้พระสัญญาของพระองค์ ที่มีต่อดาวิดเสด็จพ่อของข้าพระองค์เป็นจริง ณ บัดนี้ เพราะพระองค์ได้ทรงตั้งให้ข้าพระองค์เป็นกษัตริย์เหนือ ชนชาติที่มากอย่างผงคลีแห่งแผ่นดินโลก
10. ขอทรงประทานสติปัญญาและความรู้แก่ข้าพระองค์ ที่จะเข้านอกออกในต่อหน้าชนชาตินี้ เพราะผู้ใดเล่าที่จะวินิจฉัยประชากรของพระองค์ได้ ซึ่งใหญ่โตนัก”
11. พระเจ้าตรัสตอบซาโลมอนว่า “เพราะว่าสิ่งนี้อยู่ในจิตใจของเจ้า และเจ้ามิได้ขอทรัพย์สมบัติ ความมั่งคั่ง และเกียรติหรือชีวิตของคนเหล่านั้นผู้เกลียดชังเจ้า และทั้งมิได้ขอชีวิตยืนยาว แต่ได้ขอสติปัญญาและความรู้เพื่อตัวเจ้าเอง เพื่อเจ้าจะครอบครองประชากรของเรา ผู้ซึ่งเราได้ตั้งเจ้าให้เป็นพระราชาเหนือเขานั้น
12. เราประสาทสติปัญญาและความรู้ให้แก่เจ้า เราจะให้ทรัพย์สมบัติ ความมั่งคั่ง และเกียรติแก่เจ้าด้วยอย่างที่ไม่มีพระราชา องค์ใดผู้อยู่ก่อนเจ้าได้มี และไม่มีผู้ใดภายหลังเจ้าจะมีเหมือน”