11. แล้วนายประตูก็ตะโกนบอกไป และเขาก็บอกกันไปถึงสำนักพระราชวัง
12. พระราชาก็ทรงตื่นบรรทมในกลางคืน และตรัสกับข้าราชการว่า “เราจะบอกให้ว่าคนซีเรียเตรียมสู้รบเราอย่างไร เขาทั้งหลายรู้อยู่ว่าเราหิว เขาจึงออกไปซ่อนตัวอยู่นอกค่ายที่กลางทุ่งคิดว่า ‘เมื่อเขาออกมาจากในเมืองเราจะจับเขาทั้งเป็น แล้วจะเข้าไปในเมือง’ ”
13. และข้าราชการคนหนึ่งทูลว่า “ขอรับสั่งให้คนเอาม้าที่เหลืออยู่ในเมืองสักห้าตัว (ดูเถิด บางทีม้าเหล่านั้นจะยังเป็นอยู่อย่างคนอิสราเอล ที่เหลืออยู่ในเมือง หรือจะเป็นอย่างคนอิสราเอลที่ได้พินาศแล้วก็ช่างเถิด) ขอให้เราส่งคนไปดู”
14. เขาจึงเอารถรบสองคันพร้อมกับม้า และพระราชาทรงส่งให้ไปติดตามกองทัพของคนซีเรีย ตรัสว่า “จงไปดู”
15. เขาทั้งหลายจึงติดตามไปจนถึงแม่น้ำจอร์แดน และนี่แน่ะ ตลอดทางมีเสื้อผ้าและเครื่องใช้ ซึ่งคนซีเรียทิ้งเมื่อเขารีบหนีไป ผู้สื่อสารก็กลับมาทูลกษัตริย์
16. แล้วประชาชนก็ยกออกไปปล้นค่ายของคนซีเรีย ยอดแป้งจึงขายกันถังละเชเขล และข้าวบารลีสองถังเชเขล ตามพระวจนะของพระเจ้า
17. ฝ่ายพระราชาทรงแต่งตั้งนายทหารคน สนิทให้เป็นนายประตู และประชาชนก็เหยียบไปบนเขาตรงประตู เขาจึงสิ้นชีวิตตามซึ่งคนแห่งพระเจ้าได้กล่าวไว้ในวัน เมื่อพระราชาเสด็จลงมาหาท่าน
18. และเป็นไปตามที่คนแห่งพระเจ้าได้ทูลพระราชาว่า “ข้าวบารลีสองถังขายหนึ่งเชเขล และยอดแป้งหนึ่งถังหนึ่งเชเขล ประมาณเวลานี้ในวันพรุ่งนี้ที่ประตูเมืองสะมาเรีย”
19. และนายทหารคนสนิทก็ได้ตอบคนแห่งพระเจ้าว่า “ถ้าแม้พระเจ้าทรงสร้างหน้าต่างในฟ้าสวรรค์ สิ่งนี้จะเป็นขึ้นได้หรือ” และท่านได้ตอบว่า “ท่านจะเห็นกับตาของท่านเอง แต่จะไม่ได้กิน”
20. และอยู่มาก็บังเกิดเป็นดังนั้นแก่เขา เพราะประชาชนเหยียบไปบนเขาที่ประตู เมืองและเขาก็ได้สิ้นชีวิต