2. และโยอาช ทรงกระทำสิ่งที่ชอบในสายพระเนตรพระเจ้า ตลอดเวลาของพระองค์ที่เยโฮยาดาปุโรหิตได้สั่งสอน แนะนำพระองค์
3. ถึงกระนั้นเขาก็ยังมิได้รื้อปูชนียสถานสูงเอาไป ประชาชนยังคงถวายสัตวบูชา และเผาเครื่องหอมในปูชนียสถานสูงเหล่านั้น
4. โยอาชตรัสกับพวกปุโรหิตว่า “เงินอันเป็นของถวายที่บริสุทธิ์ทั้งสิ้น ซึ่งเขานำมาในพระนิเวศของพระเจ้า เงินที่เรียกจากรายบุคคล คือเงินที่กำหนดให้เสียตามรายบุคคล และเงินซึ่งประชาชนถวายด้วยความสมัครใจ ที่จะนำมาไว้ในพระนิเวศของพระเจ้า
5. ให้ปุโรหิตรับเงินนั้นจากหมู่คนที่รู้จักกัน ให้เขาซ่อมพระนิเวศตรงที่ที่เขาเห็นว่าต้องการซ่อมแซม”
6. แต่เมื่อถึงปีที่ยี่สิบสามแห่งรัชกาลพระราชาโยอาช ปรากฏว่า ปุโรหิตมิได้ทำการซ่อมแซมพระนิเวศ
7. เพราะฉะนั้น พระราชาโยอาชจึงตรัสเรียกเยโฮยาดา และปุโรหิตอื่นๆ และตรัสกับเขาว่า “ไฉนท่านจึงมิได้ซ่อมแซมพระนิเวศ เพราะฉะนั้นอย่าเก็บเงินจากคนที่ท่านรู้จักอีกต่อไปเลย แต่ให้ส่งไปเพื่อการซ่อมแซมพระนิเวศ”
8. ปุโรหิตจึงตกลงว่าจะไม่รับเงินจากประชาชนอีก และเขาไม่ต้องทำการซ่อมแซมพระนิเวศ
9. แล้วเยโฮยาดาปุโรหิต นำหีบมาใบหนึ่ง เจาะรูหนึ่งที่ฝาหีบนั้น และตั้งไว้ที่ข้างๆแท่นบูชาด้านขวา เมื่อเข้าไปในพระนิเวศของพระเจ้า และปุโรหิตผู้ที่เฝ้าอยู่ที่ธรณีประตู ก็นำเงินซึ่งเขานำมาในพระนิเวศของพระเจ้า ใส่ไว้ในหีบนั้น
10. และเมื่อเขาเห็นว่ามีเงินในหีบมากแล้ว ราชเลขา และมหาปุโรหิตจะมานับเงิน และเอาเงินที่เขาพบในพระนิเวศของพระเจ้านั้นใส่ถุงมัดไว้
11. แล้วเขาจะมอบเงินที่ชั่งออกแล้วนั้นใส่มือของ คนงานผู้ดูแลพระนิเวศของพระเจ้า แล้วเขาจะจ่ายต่อให้แก่ช่างไม้และช่างก่อสร้าง ผู้ทำงานพระนิเวศของพระเจ้า
12. และให้แก่ช่างก่อ และช่างสกัดหิน ทั้งจ่ายซื้อตัวไม้ และหินสกัดที่ใช้ในการซ่อมแซมพระนิเวศของพระเจ้า และเพื่อค่าใช้จ่ายใดๆ ในงานซ่อมแซมพระนิเวศของพระเจ้า
13. แต่ว่าเงินที่นำมาถวายในพระนิเวศของพระเจ้านั้น มิได้นำไปใช้ในการทำถ้วยเงิน ตะไกรตัดใส้ตะเกียง ชาม แตร หรือภาชนะทองคำใดๆ หรือภาชนะเงิน
14. เพราะเงินนั้นเขาให้แก่คนงานซึ่ง ทำงานซ่อมพระนิเวศของพระเจ้า