5. อับซาโลมตรัสว่า “จงเรียกหุชัยคนอารคีเข้ามา เพื่อเราจะฟังเขาจะว่าอย่างไรด้วย”
6. เมื่อหุชัยเข้ามาเฝ้าอับซาโลมแล้ว อับซาโลมจึงตรัสถามเขาว่า “อาหิโธเฟลว่าอย่างนี้แล้ว เราควรจะทำตามคำแนะนำของเขาหรือไม่ ถ้าไม่ ท่านจงพูดมา”
7. หุชัยจึงกราบทูลอับซาโลมว่า “คำปรึกษาซึ่งอาหิโธเฟลให้ในครั้งนี้ไม่ดี”
8. หุชัยกราบทูลต่อไปว่า “ฝ่าพระบาททรงทราบแล้วว่าเสด็จพ่อและคนที่อยู่ด้วย เป็นทหารแข็งกล้าและเขาทั้งหลายกำลังโกรธเหมือนหมี ที่ลูกถูกลักเอาไปในป่า นอกจากนั้นเสด็จพ่อของพระองค์ทรงชำนาญศึก พระองค์คงไม่ทรงพักอยู่กับพวกพล
9. ดูเถิด ถึงขณะนี้พระองค์ก็ทรงซ่อนอยู่ในบ่อแห่งหนึ่ง หรือในที่หนึ่งที่ใดแล้วเมื่อมีคนล้ม ตายในการสู้รบครั้งแรกใครที่ทราบเรื่องก็จะกล่าวว่า ‘ทหารที่ติดตามอับซาโลมถูกฆ่าฟัน’
10. แม้คนที่กล้าหาญ ที่จิตใจเหมือนอย่างสิงห์ก็จะกลัวลาน เพราะอิสราเอลทั้งสิ้นทราบว่าเสด็จพ่อของฝ่าพระบาท เป็นวีรบุรุษ และคนที่อยู่ก็เป็นทหารที่แข็งกล้า
11. แต่คำปรึกษาของข้าพระบาทมีว่า ขอฝ่าพระบาทรวบรวมอิสราเอลทั้งสิ้น ตั้งแต่ดานถึงเบเออร์เชบา ให้มากมายดั่งทรายที่ทะเล แล้วฝ่าพระบาทก็เสด็จคุมทัพไปเอง
12. เราทั้งหลายจะเข้ารบกับเขา ณ ที่หนึ่งที่ใดที่พบกัน และเราจะเข้าโจมตีเหมือนน้ำค้างตกใส่พื้นดิน ตัวเขาและคนที่อยู่กับเขาก็จะไม่มีเหลือสักคนหนึ่ง
13. ถ้าเขาจะถอยร่นเข้าไปในเมือง คนอิสราเอลทั้งสิ้นก็จะเอาเชือกมาลากเมืองนั้นลง ไปที่ลุ่มแม่น้ำ จนกระทั่งก้อนกรวดสักก้อนหนึ่งก็ไม่มีให้เห็นที่นั่น”
14. อับซาโลมและคนอิสราเอลทั้งปวงว่า “คำปรึกษาของหุชัยคนอารคีดีกว่าคำปรึกษา ของอาหิโธเฟล” เพราะพระเจ้าทรงสถาปนาที่จะให้คำปรึกษา อันดีของอาหิโธเฟลพ่ายแพ้ เพื่อพระเจ้าจะทรงนำเหตุร้ายมายังอับซาโลม
15. แล้วหุชัยจึงบอกศาโดกและอาบียาธาร์ปุโรหิตว่า “อาหิโธเฟลได้ให้คำปรึกษาอย่างนั้นอย่างนี้แก่อับซาโลม และพวกผู้ใหญ่ของอิสราเอลและข้าพเจ้าได้ให้คำปรึกษา อย่างนั้นอย่างนี้
16. จงรีบส่งคนไปกราบทูลดาวิดว่า ‘คืนวันนี้อย่าพักอยู่ที่ท่าข้ามไปถิ่นทุรกันดาร อย่างไรก็จงให้เสด็จข้ามไปเสียเกรงว่า พระราชาและประชาชนทั้งสิ้นที่อยู่กับพระองค์ จะถูกกลืนไปหมด’ ”
17. ฝ่ายโยนาธานและอาหิมาอัสกำลังคอยอยู่ที่เอนโรเกลแล้ว มีสาวใช้คนหนึ่งเคยไปบอกเรื่องแก่เขา แล้วเขาก็ไปกราบทูลกษัตริย์ดาวิด เพราะเขาไม่กล้าเข้ากรุงให้ใครเห็น