3. ดาวิดทรงใช้คนไปไต่ถามเรื่องผู้หญิงคนนั้น คนหนึ่งมากราบทูลว่า “หญิงคนนี้ชื่อบัทเชบา บุตรีของเอลีอัม ภรรยาของอุรีอาห์คนฮิตไทต์มิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”
4. ดาวิดก็ทรงใช้ผู้สื่อสารไปรับนางมา นางก็มาเฝ้าพระองค์ แล้วพระองค์ทรงสมสู่กับนาง (พอดีนางได้ชำระตัวให้สิ้นมลทินของนางแล้ว) แล้วนางก็กลับไปเรือนของตน
5. ผู้หญิงนั้นก็ตั้งครรภ์ นางจึงใช้คนไปกราบทูลดาวิดว่า “หม่อมฉันตั้งครรภ์แล้ว”
6. ดาวิดทรงใช้คนไปบอกโยอาบว่า “จงส่งอุรีอาห์คนฮิตไทต์มาให้เรา” โยอาบก็ส่งตัวอุรีอาห์ไปให้ดาวิด
7. เมื่ออุรีอาห์เข้าเฝ้าพระองค์ ดาวิดรับสั่งถามว่าโยอาบเป็นอย่างไรบ้าง พวกพลเป็นอย่างไร การสงครามคืบหน้าไปอย่างไร
8. แล้วดาวิดรับสั่งอุรีอาห์ว่า “จงลงไปบ้านของเจ้า และล้างเท้าของเจ้าเสีย” อุรีอาห์ก็ออกไปจากพระราชวัง และมีคนนำของประทานจากพระราชาตามไปให้
9. แต่อุรีอาห์ได้นอนเสียที่ประตูพระราชวัง พร้อมกับบรรดาข้าราชการของเจ้านายของพระองค์ มิได้ลงไปที่บ้านของตน
10. เมื่อมีคนกราบทูลดาวิดว่า “อุรีอาห์ไม่ได้ลงไปที่บ้านของเขาพ่ะย่ะค่ะ” ดาวิดรับสั่งแก่อุรีอาห์ว่า “เจ้ามิได้เดินทางมาดอกหรือ ทำไมจึงไม่ลงไปบ้านของเจ้า”
11. อุรีอาห์ทูลตอบดาวิดว่า “หีบพันธสัญญาและอิสราเอลกับยูดาห์อยู่ในทับอาศัย โยอาบเจ้านายของข้าพระบาทกับบรรดาข้าราชการ ของฝ่าพระบาทตั้งค่ายอยู่ที่พื้นทุ่ง ส่วนข้าพระบาทจะไปบ้าน ไปกิน ไปดื่ม และนอนกับภรรยาของข้าพระบาทเช่นนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ พระองค์ทรงพระชนม์อยู่และวิญญาณจิตของพระองค์ มีชีวิตอยู่แน่ฉันใด ข้าพระบาทจะไม่กระทำอย่างนี้เลย”
12. แล้วดาวิดก็รับสั่งแก่อุรีอาห์ว่า “วันนี้ก็ค้างเสียที่นี่เถิด พรุ่งนี้เราจะให้เจ้าไป” อุรีอาห์ก็ค้างอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มในวันนั้นและ ในวันรุ่งขึ้น
13. ดาวิดทรงเชิญเขามา เขาก็มา รับประทานและดื่มต่อพระพักตร์ และพระองค์ทรงกระทำให้เขามึนเมา ในเย็นวันนั้นเขาก็ออกไปนอนกับข้าราชการ ของเจ้านายของเขา แต่มิได้ลงไปบ้าน
14. ครั้นรุ่งเช้าดาวิดทรง อักษรถึงโยอาบและทรงฝากไปกับอุรีอาห์
15. ในลายพระหัตถ์นั้นว่า “จงตั้งอุรีอาห์ให้เป็นกองหน้าเข้าสู้รบตรงที่ดุเดือดที่สุด แล้วล่าทัพกลับเสียเพื่อให้เขาถูกโจมตีให้ตาย”
16. อยู่มาเมื่อโยอาบกำลังเฝ้าล้อมเมืองอยู่ ท่านจึงกำหนดให้อุรีอาห์ไปรบตรงที่ที่ ท่านทราบว่ามีทหารเข้มแข็งมาก
17. คนในเมืองก็ออกมาสู้รบกับโยอาบ มีคนตายบ้างคือข้าราชการบางคนของดาวิดได้ล้มตาย อุรีอาห์คนฮิตไทต์ก็ตายด้วย