4. เราไม่มีสิทธิ์ที่จะกินและดื่มหรือ
5. เราไม่มีสิทธิ์ที่จะพาพี่น้องซึ่งเป็นภรรยาไปไหนๆด้วยกันเหมือนอย่างพวกอัครทูตอื่นๆ และน้องๆขององค์พระผู้เป็นเจ้า และเคฟาสหรือ
6. เฉพาะข้าพเจ้าและบารนาบัสเท่านั้นหรือ ที่ไม่มีสิทธิ์ที่จะเลิกทำงานหาเลี้ยงชีพ
7. ใครบ้างที่เป็นทหารไปในการศึกสงคราม และต้องกินเสบียงของตัวเอง หรือใครบ้างที่ทำสวนปลูกต้นองุ่น และมิได้กินผลองุ่นในสวนนั้น หรือใครบ้างที่เลี้ยงสัตว์ และมิได้กินน้ำนมของฝูงสัตว์นั้น
8. ข้าพเจ้ากล่าวอย่างนี้ตามวิสัยของมนุษย์หรือ ธรรมบัญญัติมิได้กล่าวอย่างนี้เหมือนกันหรือ
9. เพราะว่าในธรรมบัญญัติของโมเสสเขียนไว้ว่า อย่าเอาตะกร้าครอบปากวัวเมื่อมันกำลังนวดข้าวอยู่ พระเจ้าทรงเป็นห่วงวัวหรือ
10. พระองค์ไม่ได้ตรัสเพื่อประโยชน์ของพวกเราโดยเฉพาะดอกหรือ ข้อความนั้นเขียนไว้เพื่อประโยชน์ของเราทั้งหลาย แสดงว่าคนที่ไถนาควรไถด้วยความหวังใจ และคนที่นวดข้าวควรนวดด้วยความหวังใจว่า จะได้ประโยชน์
11. ถ้าเราได้หว่านปัจจัยสำหรับวิญญาณให้แก่ท่าน แล้วจะมากไปหรือที่เราจะเกี่ยวของสำหรับเนื้อหนังจากท่าน
12. ถ้าคนอื่นมีสิทธิ์ที่จะได้รับประโยชน์จากท่าน เราไม่มีสิทธิ์ที่จะได้รับยิ่งกว่าเขาอีกหรือแต่ถึงกระนั้น เราก็มิได้ใช้สิทธิ์นี้เลย เรายอมทนทุกข์ยากสารพัด เพื่อเราจะไม่เป็นอุปสรรคขัดขวางข่าวประเสริฐเรื่องพระคริสต์
13. ท่านไม่รู้หรือว่าคนที่ปรนนิบัติในโบสถ์ก็กินอาหารของโบสถ์ และคนปรนนิบัติที่แท่นบูชาก็รับส่วนแบ่งจากเครื่องบูชานั้น
14. ทำนองเดียวกัน องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงบัญชาไว้ว่า คนที่ประกาศข่าวประเสริฐควรได้รับการเลี้ยงชีพด้วยข่าวประเสริฐนั้น
15. แต่ข้าพเจ้าไม่ได้ใช้สิทธิ์เหล่านี้เลย ที่ข้าพเจ้าเขียนเรื่องนี้ ก็มิใช่เพื่อจะให้เขากระทำอย่างนั้นแก่ข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้ายอมตายเสียดีกว่า ที่จะให้ผู้ใดทำลายเหตุแห่งการโอ้อวดของข้าพเจ้าได้
16. เพราะการที่ข้าพเจ้าประกาศข่าวประเสริฐนั้น ข้าพเจ้าไม่มีเหตุที่จะอวดได้ เพราะจำเป็นที่ข้าพเจ้าจะต้องประกาศข่าวประเสริฐ ถ้าข้าพเจ้าไม่ประกาศ วิบัติจะเกิดแก่ข้าพเจ้า
17. เพราะถ้าข้าพเจ้าประกาศตามเจตนาของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็จะได้สินจ้าง หากกระทำการประกาศนั้นโดยพระเจตนา ก็ยังเป็นการที่ทรงมอบไว้ให้ข้าพเจ้ากระทำ
18. แล้วข้าพเจ้าจะได้อะไรเล่า คือเมื่อข้าพเจ้าประกาศข่าวประเสริฐ ข้าพเจ้าได้ประกาศโดยไม่คิดค่าจ้าง เพื่อจะไม่ได้ใช้สิทธิ์ในข่าวประเสริฐนั้นอย่างเต็มที่