20. และต่างก็ฆ่าคู่รบของตน คนซีเรียหนีและคนอิสราเอลไล่ติดตามเขาไป แต่เบนฮาดัดกษัตริย์แห่งซีเรียทรงม้าหนีไปกับทหารม้า
21. กษัตริย์แห่งอิสราเอลก็ออกไปโจมตีม้าและรถรบ และประหารชนซีเรียเสียอย่างใหญ่โต
22. แล้วผู้เผยพระวจนะผู้นั้นได้เข้ามา ใกล้พระราชาแห่งอิสราเอลทูลพระองค์ว่า “มาเถิด ขอเสริมกำลังของพระองค์ และตรึกตรองดูว่า พระองค์จะทรงกระทำประการใด เพราะแล้งที่จะถึงนี้พระราชา แห่งซีเรียจะยกกองทัพมาสู้กับพระองค์อีก”
23. ข้าราชการของพระราชาแห่งซีเรียทูลพระองค์ว่า “พระเจ้าทั้งหลายของเขาเป็นพระเจ้าแห่งภูเขา เขาทั้งหลายจึงแข็งกว่าเรา แต่ขอให้เราสู้รบกับเขาในที่ราบ แล้วเราจะต้องแข็งกว่าเขาแน่นอนทีเดียว
24. ขอกระทำอย่างนี้ ขอปลดกษัตริย์เสียทุกองค์จากตำแหน่งและตั้งนายทหารขึ้นแทน
25. และเกณฑ์กองทัพเข้าแทนส่วนที่ล้มตายไปในคราวก่อน ม้าแทนม้า รถรบแทนรถรบ แล้วเราทั้งหลายจะสู้รบกับเขาในที่ราบ เราจะต้องแข็งกว่าเขาแน่นอนทีเดียว” และท่านก็เชื่อฟังเสียงของเขาทั้งหลายและกระทำตาม
26. และอยู่มาพอขึ้นแล้งเบนฮาดัดก็เกณฑ์ชนซีเรีย ยกขึ้นไปถึงเมืองอาเฟกเพื่อสู้รบกับอิสราเอล
27. และประชาชนอิสราเอลก็ถูกเกณฑ์ รับเสบียงอาหาร และยกออกไปต่อสู้กับเขา ประชาชนอิสราเอลตั้งค่ายตรง หน้าเขาเหมือนอย่างแพะสองฝูงเล็กๆ แต่คนซีเรียเต็มท้องทุ่งไปหมด
28. และคนของพระเจ้าคนหนึ่งได้เข้าไปใกล้ และทูลพระราชาแห่งอิสราเอลว่า “พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า ‘เพราะคนซีเรียได้กล่าวว่า “พระเยโฮวาห์เป็นพระเจ้าแห่งภูเขา พระองค์มิได้เป็นพระเจ้าแห่งที่ลุ่ม” เพราะฉะนั้นเราจะมอบประชาชนหมู่ใหญ่นี้ไว้ในมือของเจ้า และเจ้าจะได้รู้ว่าเราคือพระเจ้า’ ”
29. แล้วเขาก็ตั้งค่ายตรงข้ามกันอยู่เจ็ด วันแล้วในวันที่เจ็ดก็ปะทะกัน ประชาชนอิสราเอลก็ฆ่าคนซีเรีย ซึ่งเป็นทหารราบเสียหนึ่งแสนคนในวันเดียว
30. เหลือนอกนั้นก็หนีเข้าเมืองอาเฟก และกำแพงเมืองล้มทับคนที่เหลือนอก นั้นเสียสองหมื่นเจ็ดพันคนเบนฮาดัดก็หนีไปด้วย และเข้าไปในห้องชั้นในที่ในเมือง
31. และข้าราชการของท่านมาทูลว่า “ดูเถิด เราทราบว่าพระราชาแห่งอิสราเอล เป็นพระราชาที่ทรงเมตตา ขอให้เราเอาผ้ากระสอบคาดเอว และเอาเชือกพันศีรษะของเรา และออกไปหากษัตริย์แห่งอิสราเอล ชะรอยท่านจะไว้ชีวิตของฝ่าพระบาท”
32. เพราะฉะนั้นเขาจึงเอาผ้ากระสอบคาด เอวและเอาเชือกพันศีรษะ และเขาไปเฝ้ากษัตริย์แห่งอิสราเอลทูลว่า “เบนฮาดัดผู้รับใช้ของพระองค์สั่งมาว่า ‘ได้โปรดเถิด ขอให้ข้าพเจ้ารอดชีวิตอยู่’ ” และพระองค์ตรัสว่า “ท่านยังมีชีวิตหรือ ท่านเป็นน้องของเรา”
33. ฝ่ายคนเหล่านั้นกำลังหาช่องอยู่แล้ว เขาทั้งหลายก็รีบตอบโดยเร็วว่า “พระเจ้าข้า เบนฮาดัดอนุชาของพระองค์” แล้วพระองค์ตรัสว่า “ไปเถอะ และนำท่านมา” แล้วเบนฮาดัดก็ออกมาหาพระองค์ แล้วพระองค์ก็ให้ท่านขึ้นไปบนรถรบ
34. และเบนฮาดัดทูลว่า “หัวเมืองซึ่งบิดาของข้าพเจ้ายึดเอาไป จากราชบิดาของท่านนั้น ข้าพเจ้าขอคืนให้พระองค์ พระองค์จะสร้างถนนหนทางของพระองค์ ในเมืองดามัสกัสก็ได้ อย่างที่บิดาข้าพเจ้าทำไว้ในสะมาเรีย” แล้วอาหับตรัสว่า “เราจะยอมให้ท่านไปตามข้อตกลงนี้” พระองค์จึงทำพันธสัญญากับท่าน และปล่อยท่านไป
35. มีชายคนหนึ่งพวกผู้เผยพระวจนะพูดกับเพื่อนของตน ตามพระบัญชาของพระเจ้าว่า “ได้โปรดเถอะ ขอตีฉันที” แต่ชายคนนั้นก็ปฏิเสธไม่ยอมตีท่าน
36. แล้วท่านจึงพูดกับเขาว่า “เพราะท่านไม่ฟังพระสุรเสียงของพระเจ้า ดูเถิด พอท่านออกไปจากข้าพเจ้า สิงห์ตัวหนึ่งจะสังหารท่าน” พอเขาจากท่านไป สิงห์ตัวหนึ่งก็มาพบเขาและสังหารเขาเสีย
37. แล้วท่านไปพบชายอีกคนหนึ่ง และท่านว่า “ได้โปรดเถอะขอตีฉันที” ชายคนนั้นได้ตีท่านและทำให้ท่านฟกช้ำ