2. ซาอูลทรงพักอยู่ที่ชานเมืองกิเบอาห์ใต้ต้นทับทิม ซึ่งอยู่ที่ตำบลมิโกรน พลซึ่งอยู่ด้วยมีประมาณหกร้อยคน
3. กับอาหิยาห์บุตรอาหิทูบพี่ชายของอีคาโบด บุตรของฟีเนหัสผู้เป็นบุตรของเอลีปุโรหิตแห่ง พระเจ้าที่เมืองชิโลห์ เขาถือเอโฟดไป และพวกพลไม่ทราบว่าโยนาธานไปแล้ว
4. ตามทางข้ามเขาที่โยนาธานหาช่อง ที่จะข้ามไปยังค่ายของฟีลิสเตียนั้น มียอดหินแหลมอยู่ฟากทางข้างนี้ และฟากทางข้างโน้นยอดหนึ่งมีชื่อว่าโบเซส อีกยอดหนึ่งชื่อเสเนห์
5. หินแหลมยอดหนึ่งโผล่ขึ้นข้างเหนือหน้ามิคมาช และอีกยอดหนึ่งโผล่ขึ้นข้างใต้หน้าเกบา
6. โยนาธานกล่าวกับคนหนุ่มที่ถือเครื่องอาวุธของท่านว่า “มาเถิด ให้เราข้ามไปยังกองทหารรักษาการของ คนเหล่านั้นที่มิได้เข้าสุหนัต บางทีพระเจ้าจะทรงประกอบกิจเพื่อเรา เพราะว่าไม่มีสิ่งใดที่ขัดขวางพระเจ้า ได้ในการที่พระองค์จะทรงช่วยกู้ ไม่ว่าโดยคนมากหรือน้อย”
7. ผู้ถือเครื่องอาวุธของท่านจึงตอบท่านว่า “จงกระทำทุกสิ่งที่จิตใจของท่านอยากกระทำ หันไปเถิด นี่แน่ะข้าพเจ้าอยู่กับท่าน ตามแต่จิตใจของท่านจะว่าอย่างไร”
8. แล้วโยนาธานกล่าวว่า “ดูเถิด เราจะข้ามไปหาคนเหล่านั้น และจะสำแดงตัวของเราให้เขาเห็น
9. ถ้าเขาจะกล่าวแก่เราว่า ‘จงคอยอยู่จนกว่าเราจะมาหาเจ้า’ แล้วเราจะยืนนิ่งอยู่ในที่ของเรา และเราจะไม่ไปหาเขา
10. แต่ถ้าเขาว่า ‘จงขึ้นมาหาเราเถิด’ แล้วเราจึงจะขึ้นไปเพราะพระเจ้าทรงมอบเขาไว้ในมือเรา แล้วจะให้เรื่องนี้เป็นสัญญาณแก่เรา”
11. ทั้งสองจึงสำแดงตัวให้กองทหาร รักษาการคนฟีลิสเตียเห็น และคนฟีลิสเตียกล่าวว่า “ดูซิ พวกฮีบรูออกมาจากรูที่ซ่อนตัวอยู่แล้ว”
12. และคนที่กองทหารรักษาการจึงร้องบอก โยนาธานและผู้ถือเครื่องอาวุธของท่านว่า “จงขึ้นมาหาเราจะแจ้งให้เจ้าทราบสักเรื่องหนึ่ง” และโยนาธานบอกผู้ถือเครื่องอาวุธของท่านว่า “จงตามข้ามา เพราะพระเจ้าได้ทรงมอบเขาไว้ในมืออิสราเอลแล้ว”
13. แล้วโยนาธานก็คลานขึ้นไปและผู้ถือเครื่องอาวุธ ของท่านก็ตามไปด้วย คนเหล่านั้นก็ล้มตายหน้าโยนาธาน และผู้ถืออาวุธก็ฆ่าเขาทั้งหลายตามท่านไป
14. การฆ่าฟันครั้งแรก ที่โยนาธานและผู้ถืออาวุธของท่านได้กระทำ นั้นมีประมาณยี่สิบคน อย่างในระยะทางครึ่งรอยไถในนาสักสองไร่
15. และบังเกิดการสั่นสะท้านในค่ายในทุ่งนาและในหมู่ ประชาชน กองทหารนั้นและถึงกองปล้นก็ตกใจตัวสั่นแผ่นดินได้ไหว กระทำให้เกิดการสั่นสะท้านมากยิ่งนัก
16. ยามของซาอูลที่อยู่ ณ กิเบอาห์แห่งเผ่าเบนยามินก็มองดูอยู่ และดูเถิด มวลชนก็สลายไป วิ่งวุ่นไปมา